Tuesday, March 16, 2010

[SF]Let me hear your word......{GRI}-{02/02}

Title :: Let me hear your words……
Author :: zimeii
Paring :: Bbang-Sang



Photobucket


UU,.UU
ชี้แจงกันนิดนึงนะคะ บทสรุปทุกอย่างจะอยู่ในตอนนี้ทั้งหมด
มาดูกันว่า อีกด้านหนึ่งของเรื่องราวเป็นอย่างไร ทำไมจียงถึงจะกลับไปคืนดีกลับผู้หญิงคนนั้น
และทำไม ตอนท้ายอีพี จียงถึงขอโทษน้องอย่างนั้น แฮ่ๆ ไรท์เตอร์คงไม่ทำให้ทุกคนงงกันหรอกเนาะ เอาเป็นว่าขอบคุณทุกเม้นมากมายนะคะ อ่านเม้นแล้วรู้สึกมีกำลังใจมากมาย
ยังไงก็เถอะ ไปอ่านกันเลยค่าาา





EPi2-


[b]Another side…….[/b]



“ ขอให้โชคดีล่ะกันฮะ พี่จียง ”
จียงมองตามคนตัวเล็กที่บอกอวยพรตน ก่อนจะวิ่งออกจากบ้านไป

ไหนล่ะ ที่ว่ามันจะเป็นไปตามแผน พอกูพูด น้องเค้าก็วิ่งหนีกูไปเลย แถมยังอวยพรกูเสร็จสรรพ มึงแน่ใจนะ ว่าแผนมึงแน่อ่ะ ไอ้ยองเบ จียงคิดในใจก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์เพื่อนรัก

“ ไอ้เชี่ยเตี้ย ” จียงระเบิดอารมณ์ทั้งหมดลงโทรศัพท์ ก่อนจะออกไปชะเง้อมองตามคนตัวเล็กนอกประตูบ้าน
(ว่าไง ไอ้เพื่อนเลิฟ น้องเค้าอ้อนวอนให้มึงอย่าไป แล้วบอกรักมึงแล้วใช่ปะ) ปลายสายที่ส่งเสียงกลับมาอย่างอารมณ์ดี คาดการณ์อย่างดีว่า แผนที่ตนวางให้เพื่อนนั้นต้องได้ผลแน่ๆ

“ บอกรัก ป๊ามึงดิ เชี่ยแมร่ง กูไม่น่าเชื่อมึงเลย แผนไรของมึงว่ะ มึงรู้มั้ยว่า... ”
(เห้ยๆ เดี๋ยวๆ ก่อน น้องเค้าไม่บอกรักมึงหรอว่ะ ไม่อ้อนวอนมึงสักนิดเลย)
“ ไอ้ยองเบ มึงรู้จักน้องเค้าน้อยไปแล้วล่ะ เค้าอวยพรขอให้กูโชคดี แถมวิ่งออกนอกบ้านไปเลย”
( เห้ย แมร่งผิดคาดว่ะ ฮ่าๆๆๆ )
“ ยังจะหัวเราะได้อีกนะมึง แล้วข้างนอกฝนก็ตก รายนั้นยิ่งไม่สบายง่ายด้วย ถ้าเค้าเป็นอะไรขึ้นมา มึงตายคนแรกแน่ไอ้เตี้ย ”
( เอ้า ไอ้บ้า แล้วมึงจะมาโทษกูทำไม มึงเองนะที่มาคร่ำควรบอกว่า คบกับน้องมาตั้งนาน น้องไม่เคยบอกรักกูเลย )
“ แล้วน้องเค้าบอกรักกุมั้ยเล่าดูดิ ”
( กูก็บอกมึงแล้วว่าแผนนี้อาจไม่ประสบผลสำเร็จ )
“ ไอ้เวร มึงบอกสำเร็จชัวร์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ”
( ฮ่าๆๆๆๆ กูขอโทษ )
“ แล้วกูจะทำไงดีว่ะ เนี่ย ”
( มึงไม่ต้องทำไงอ่ะ รอดูดิ ถ้าน้องเค้ารักมึงจริง รับรองเค้าต้องกลับมาหามึงแน่ เชื่อกุดิ )
“ ให้กุเชื่อมึงอีกแล้ว แล้วถ้าน้องเค้าไม่กลับมาหากุล่ะ มันไม่แสดงว่าน้องเค้าไม่รักกูหร้อ ”
( มึงก็ไปหาเค้าสิ )
“ ไอ้เวรพูดง่าย ”
( ฮ่าๆๆๆ เดี๋ยวกูช่วยคิด พรุ่งนี้เช้ามาที่บ้านกูด้วย แหวนที่มึงสั่งอ่ะ ได้แล้ว )
“ เออ งานนี้ถ้าน้องเค้าไม่กลับมาดีกับกู กูไม่จ่ายค่าแหวนมึงแน่ ไอ้เตี้ย ”

ควอนจียงกดตัดสายทันทีที่พูดจบ พลางเดินเข้าบ้านอย่างอารมณ์เสียสุดๆ มือหนาขยี้ผมตัวเองที่เปียกเพราะละอองฝนข้างนอก เสียงนุ่มสบถออกมาตลอดทาง ในใจก็อดโทษตัวเองไม่ได้ ไม่น่าเชื่อแผนเพื่อนตัวดีเลย เค้าเพียงแค่อยากได้ยินคำว่ารักจากปากน้องสักครั้ง พูดตรงๆ ว่าตั้งแต่ที่คบกันมา น้องไม่เคยบอกรักเค้าสักครั้ง บางครั้งใจมันก็อดคิดน้อยใจไม่ได้ว่า สิ่งที่น้องทำทั้งหมด นั่นมันคือ สิ่งที่น้องชายต้องการปลอบใจพี่ชายรึเปล่า เพียงเพราะไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปากน้องเลย มันก็เลยอดคิดอย่างนั้นไม่ได้เท่านั้นเอง สุดท้าย พอตัดสินใจทำตามแผนทั้งหมด กลับพังไม่เป็นท่า แทนที่คืนนี้จะมีคนน่ารัก เคยออดอ้อนแล้วพร่ำบอกคำแฮปปี้เบิร์ดเดย์เป็นคนแรก เป็นยังไงล่ะควอนจียง ท้ายที่สุดน้องเค้าก็วิ่งหนีแกไป

นาฬิกาเรือนสวยที่ตั้งอยู่บนหัวนอน บอกเวลาเกือบเที่ยงคืน ควอนจียงล้มลงบนเตียง แล้วเอาหมอนปิดหน้าตัวเอง แล้วคิดถึงคนที่เพิ่งวิ่งหนีเค้าไป พี่แค่อยากรู้ว่าซึงริรักพี่บ้างรึเปล่า พี่ผิดรึเปล่าอ่ะซึงริ ถ้าเกิดซึงริอวยพรพี่แบบนี้ นั่นหมายถึงซึงริคิดกับพี่แค่พี่ชายรึเปล่า มือหนาเอื้อมหยิบเอาโทรศัพท์มากดเบอร์บ้านของคนที่คิดถึง อย่างน้อยๆ ลองโทรไปคุยดูสักหน่อยก็ดี ว่าซึงริจะเป็นยังไง

( อันยองอาเซโย~ ลีฮันนาพูดสายค่า~~ ) เสียงสดใสดังออกมาจากปลายสาย ทำให้จียงอดยิ้มไม่ได้เมื่อนึกถึงหน้าน้องสาวตัวเล็กคนนี้ไม่ได้
“ อันยองจ้ะ ฮันนา นี่พี่จียงนะครับ ”
( อ่ออ อ่าค่า พี่ซึงริอารมณ์เสียเข้าบ้านมาเลย พี่จียงทะเลาะอะไรกันหรอคะ )
“ ฮะ ซึงริอารมณ์เสียหรอ ” ถ้าซึงริอารมณ์เสีย นั่นก็หมายถึง ซึงริโกรธที่เราบอกจะขอแฟนเก่าคืนดีอย่างนั้นสิ
(มากเลยค่ะ)
“ งั้นพี่ขอคุยกับพี่ซึงริหน่อยได้มั้ย ฮันนา ”
( ได้ค่ะ เดี๋ยวฮันนาไปเรียกให้นะคะ )
“ ครับ ”
(พี่ซึงริ!! พี่จียงโทรศัพท์มา เค้าจะคุยกับพี่ เปิดประตูหน่อยสิ พี่ซึงริ...........พี่ซึงริ!! ) ควอนจียงถือหูโทรศัพท์อย่างใจจดใจจ่อ ถ้าซึงริอารมณ์เสีย เค้าก็ควรจะต้องบอกความจริงให้กับซึงริรู้ ว่าเรื่องทั้งหมดนั่นน่ะ ไม่ใช่ความจริง พี่จียงของซึงริไม่ได้จะไปขอคืนดีใครที่ไหน ทั้งนั้น ที่พูดไปมันแค่จุดประสงค์บางอย่างเท่านั้นเอง
(“ พี่จียงคะ ฮันนาเรียกให้แล้ว สงสัยว่าพี่เค้าคงจะหลับไปแล้วล่ะมั้ง )
“ อ๊า งั้นหรอครับ ”
(ค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ)
“ พี่ต่างหากล่ะที่ต้องขอโทษ โทรมารบกวนฮันนาซะดึกเลย ”
(คะ อ้อ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฮันนายังไม่นอน )
“ งั้นพี่ไม่รบกวนแล้ว ขอบใจฮันนามากนะครับ”
(อ้อ โอเค ค่ะ อันยองค่ะ)

มือหนาวางโทรศัพท์ลงข้างๆ เตียง พลางหลับตาลง
ไม่น่าเลยควอนจียง.........

.
.
.
.
.
รถมินิสปอร์ตคันสวยเหยียบเบรคสนิทเมื่อมาจอดลงหน้าบ้านเพื่อนสุดรัก จียงในกางเกงยีนส์ขาดรุ่ยสีดำ เสื้อกล้ามลวดลายสไตล์ฮิพฮอพ บ่งบอกให้เห็นถึงบุคคลิกของเจ้าของเสื้อผ้าได้เป็นอย่างดี แต่ที่ผิดกันคือใบหน้าที่บูดสนิท และรอยคล้ำใต้ตาที่เข้มชัดกว่าทุกวัน ราวกับไม่ได้นอนมาทั้งคืน ร่างสูงลงจากรถ แล้วเดินมุ่งหน้าเข้าบ้านหลังใหญ่

“ เย้ สุขสันต์วันเกิดเพื่อนร้ากกก เย้ๆๆๆ ไอ้ควอนจียง แฮปปี้เบิร์ดเดย์เพื่อน ”
บรรดาเพื่อนของจียง ไม่ว่าจะ ยองเบ ซึงฮยอน แดซอง กันดึงพลุมือออกเป็นให้เกิดเสียงดังไปหมด พลุที่แตกกระจายออก หล่นให้เต็มหัวของคนมาเยือนเต็มไปหมด ควอนจียงไม่ได้รู้สึกดีใจสักนิด คำอวยพรวันเกิดของคนๆ เดียมเท่านั้นแหละที่เค้าอยากจะได้ยินจากปากน่ะ มือหนายกมือขึ้นปัดหัว ก่อนจะหันไปมองเพื่อนตาขวาง
“ อย่ามาทำลบล้างความผิดเลยมึง ” ยองเบที่เห็นสายตาแบบนั้นก็สะดุดเล็กน้อย
“ อะไรวะ กูไม่ได้ลบล้างความผิดอะไรสักหน่อย แม่ง โทษกู ”
“ ไม่โทษมึงแล้วจะโทษใคร ”
“ เออ เอาน่ะ ไอ้จียง พวกกูอยากแฮปปี้เบิร์ดเดย์ให้มึงจริงๆ ”
“ ไอ้ซึงฮยอน อย่ามาแก้ตัวแทนเพื่อนมึง ”
“ ใจเย็นน่า พี่จียง ฉันว่า เราไปนั่งคุยกันที่ห้องนั่งเล่นเหอะปะ ” แดซองที่ถูกซึงฮยอนโอบไหล่อยู่ยื่นมือมาตบบ่าจียงเบาๆ พลางชวนให้เข้าไปข้างใน
“ แล้วก็อย่ามาสวีทกันให้กูอิจฉาล่ะไอ้ซึงฮยอน ” จียงมองเพื่อนทั้งสามตาขวาง อารมณ์ขัดกันกับเพื่อนเป็นที่สุด แปลกที่อีกสามคนก็ไม่ได้กลัวคำขู่ของเพื่อนคนนี้เลย

.
.
.
เวลาเดินต่อไปเรื่อยๆ จียงยังคงนอนเหม่ออยู่ที่บ้านของยองเบ ในขณะที่คนอื่นๆ ต่างหานู้นหานี่ทำกันอย่างสนุกสนาน ผิดกับจียงลิบลับ ในมือก็ยังคอยกดโทรศัพท์ออกอยู่ไม่หยุด ด้วยความรู้สึกเดิมที่อยากจะโทรไปปรับความเข้าใจกับคนตัวเล็ก อยากจะไปหาคนตัวเล็กที่บ้าน แต่ก็ต้องติดอยู่ที่เค้าต้องรอเอาของขวัญที่เค้าเตรียมไว้ให้น้องกลับไปด้วย

“ อ่ะ เอาไป แหวนสุดพิเศษ สั่งทำจากเงินขาวชั้นดี แถมสไตล์ก็เหมือนที่มึงต้องการเป๊ะ กูคิดครึ่งราคาละกัน ”
จียงลุกขึ้นรับถุงกระดาษลายสวยจากยองเบมา พลางเปิดออกดู หลังจากที่ใช้เวลารอมาทั้งวัน ในใจยังอดเคืองไม่ได้ ไหนบอกว่าเสร็จแล้วตั้งแต่เมื่อคืน

“ มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นอยู่หรอกนะ ไอ้เจ้าของบริษัทจิลเวอรี่ ” เสียงนุ่มเอ่ยขึ้นกับเพื่อนในขณะที่เปิดถุงออกดู แหวนเงินขาวสองวงปรากฎสู่สายตาเค้า รูปแบบทั้งหมดเค้าเป็นคนออกแบบเอง ถึงมันจะดูเป็นของธรรมดา ที่ดูเหมือนคนรักทั่วไปเข้าให้กัน แหวนเงินที่สลักชื่อคู่รักของตัวเอง สำหรับคนๆ นี้ เค้าก็รู้สึกว่ามันจะมีค่าต่อจิตใจของเค้าและซึงริอยู่ดี แต่มาถึงตอนนี้แล้ว เค้าจะทำยังไงล่ะ สิ่งที่เค้าทำเมื่อคืนมันก็เหมือนตัดเยื่อใยกันดีดีนี่เอง

“ แล้วเมื่อคืนนี่ไม่ได้นอนเลยรึไงวะจียง ตามึงนี่โหลเลย ” ซึงฮยอนเอ่ยถามจียง ใครจะไปนอนหลับกัน ภาพของน้องวิ่งออกจากบ้านไปมันยังคงติดตาเค้ามาจนถึงตอนนี้
“ ถามไอ้ยองเบดูดิ ” จียงพยักเพยิดหน้าไปทางยองเบ
“ เอ้าไอ้เวร เกี่ยวไรกับกู ”
“ เกี่ยวกับมึงโดยตรงเลยล่ะ ไอ้เตี้ย ” นี่ถ้าคราวนี้เพื่อนรักไม่ได้มีส่วนร่วมในของขวัญที่เค้าจะให้น้องโดยตรง เค้าคงจะต้องถีบให้ตกเก้าอี้ไปแล้ว
“ อ้าวไอ้นี่ ซึงฮยอน มึงลองคิดดูนะ ไอ้จีมันมาคร่ำควรกับกูว่า น้องไม่เคยบอกรักมันเลย มันคิดว่าน้องไม่ได้รักมัน คิดกับมันแค่พี่ชาย ”
“ มึงคิดว่าน้องไม่รักมึงหรอไอ้จียง ” ซึงฮยอนเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย ทุกครั้งที่เค้าเจอสองคนนี้ เค้าก็แทบจะไม่มีความคิดเลยว่าสองคนนี้ไม่รักกัน บางครั้งเค้ายังแอบอิจฉาที่สองคนนี้มันดูรักกันกว่าเค้ากับแดซองซะอีก
“ ทำไมพี่คิดอย่างนั้นอ่ะ ” แดซองเองก็ไม่ต่างกัน สงสัยไม่แพ้กันจึงต้องหันไปถามบ้าง
“ ก็ซึงริไม่เคยบอกรักกูสักครั้งอ่ะดิ ” จียงตอบพลางก้มหน้าลงต่ำ คำตอบมันอาจจะดูโง่ไปหน่อย แต่มันก็เป็นความรู้สึกของเค้าจริงๆ
“ แค่นั้นอ่ะนะ ” ซึงฮยอนหัวเราะหึหึเบาๆ กับคำตอบของเพื่อน ในบางครั้งน่ะ คำว่ารักมันก็ไม่จำเป็นหรอกนะ มันขึ้นอยู่กับการกระทำที่น้องเค้าทำกับมึงมากกว่า จียง
“ แต่ที่ผมเห็นซึงริทำกับพี่ แค่นั้นผมก็ดูออกแล้วนะครับว่าเค้ารักพี่ ”
“ แดซอง ไอ้นี่มันโง่ เรื่องอื่นอ่ะนะ มันฉลาดเป็นกรด เรื่องแค่เนี้ยโง่ คิดดูนะ ซึงริมันหอบผ้าหอบผ่อนมาอยู่ด้วยละ ทำตัวอย่างกับภรรยาที่ดี มันยังกลัวว่าน้องจะคิดกับมันแค่พี่ชายเลย ” ยองเบพูดออกมา พลางมองไปยังเพื่อนรัก อย่างเหนื่อยใจ
“ มันไม่ใช่อย่างนั้นเว้ย กูก็รู้ แต่ที่กูพร่ำบอกน้องเค้าว่ารัก น้องเค้าก็ไม่เคยแม้แต่จะบอกรักกลับมาเลย ”
“ จียง คำว่ารัก พูดบ่อยนักมันก็ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีนะจียง บางครั้งอาจจะเป็นเหมือนการโกหกเท่านั้น ” ยองเบพูดกับเพื่อนด้วยน้ำเสียงจริงจังประนึ่งว่าโชกโชนกับความรักมามากมาย แต่คำพูดนั้นก็ทำให้จียงคิดได้บ้าง ซึงฮยอนกับแดซองต่างก็พยักหน้าตาม บรรยากาศเริ่มเข้าโหมดซึ้ง
“ มีแต่เคะเค้าอยากจะได้ยินคำว่ารัก นี่อะไรวะเมะอยากได้ยินคำว่ารัก เห้ยย มึงนิ ” ยองเบจึงเปลี่ยนโหมดกลับมาให้เฮฮา คำพูดนั้นจึงทำให้จียงยิ้มออกมาได้
“ กลับไปรอน้องเค้าที่บ้านซะ พวกกูเชื่อ ว่าน้องเค้าต้องกลับมาหามึง ” ยองเบเอ่ยคำสุดท้าย
“ แล้วอย่าไปหาเค้าที่บ้านอ่ะมึง มึงจะได้รู้ว่าน้องเค้ารักมึงแค่ไหน เค้าต้องวิ่งร้องไห้โฮกลับมาหามึงแน่ ” จียงมองหน้าเพื่อนอย่างหวั่นๆ เพื่อนคนนี้หน้าตาไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไหร่ แต่ยังไงนั่นมันก็เป็นวิธีเดียวที่เค้าจะทำได้ในตอนนี้
.
.
.
.
.
“ ท่าทางกูว่าต้องใช่ไม้ตายแล้วว่ะ ” ยองเบพูดขึ้นกับอีกสองเพื่อนรัก ซึงฮยอนและแดซองที่ร่วมนั่งสังเกตุการณ์ความเป็นไปของคู่รักที่เค้าเป็นต้นเหตุให้ต้องมาแยกกันในวันเกิดแบบนี้ เจ้าของรถมินิสปอร์ตขับรถเข้าไปในบ้านของจียง
“ ไม้ตายอะไรของมึงวะยองเบ” ซึงฮยอนเอ่ยถามยองเบ ขณะมองเข้าไปในบ้านของจียง สงสัยมันจะเศร้ากินอย่างหนัก ให้มันกลับบ้านมาตั้งหลายชั่วโมงแล้ว ไฟในบ้านสักดวงดับสนิท คิดไปคิดมาก็น่าสงสาร เพื่อนรักต้องมาเศร้าในวันเกิดเนี่ยนะ
“ ก็มึงดูดิ น้องซึงริแม่งใจแข็งชะมัด กุไม่อยากเชื่อ น่าตาบ๊องแบ๊วใสซื่อแบบนั้นจะ ใจแข็งได้ขนาดนี้ แต่จียงแม่งก็แปลก รอน้องตั้งหลายชั่วโมง ทำไมแม่งไม่ไปหาน้องเลยวะ ”
“ เพราะพี่นั่นแหละ พี่ยองเบ ยุพี่จียงไปได้ไง พี่ก็น่าจะรู้ว่าพี่จียงน่ะอ่อนต่อเรื่องความรัก ให้ตายสิ จะหมดคืนแล้วด้วย แบบนี้มีหวังพี่จียงได้เศร้าตาย แถมพี่ก็เป็นคนบอกพี่จียงเองด้วย ว่าอย่าไปหาซึงริอ่ะ โธ่ ”
“ โห ไอ้แดซอง มึงอย่าตอกย้ำได้ป่ะวะครับ แค่นี้กูก็รู้สึกผิดพอแล้ว” ยองเบพูดพลางคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมงัดไม้ตายออกมาใช้ เค้าไม่มีทางเลือกแล้ว ถ้าหากว่า ซึงริเป็นคนใจแข็งแบบนั้น ยองเบกดยิ้มที่มุมปาก วิธีนี้ก็น่าจะได้ผล หนามยอก ก็ต้องเอาหนามบ่ง ใช่มั้ยครับ
“ กุเพิ่งจะรู้ว่ามึงรู้สึกผิด แล้วจะโทรไปหาใครละมึง ” ยองเบตวัดสายตาใส่ซึงฮยอน แหมมึง กุเป็นคนทำจียง มันเป็นแบบนี้ กุก้ต้องรู้สึกผิดสักหน่อยวะ ถึงมันจะเป็นฝ่ายมาคร่ำควรก่อนก็เถอะ
“ เออน่า เดี๋ยวมึงก็รู้ ” ยองเบพูดตัดบท ท่ามกลางสายตาที่งงงวยของเพื่อนอีกสองคน ก่อนจะเริ่มสนทนากับโทรศัพท์
“ อันยอง ๆ ฮันนาหรอครับ ”
( อ๊า พี่ยองเบหรอคะ อันยองค่ะ )
“ ฮันนานี่น้องซึงริไม่ใช่หรอวะ แล้วน้องเค้ารู้ได้ไงว่าเป็นมึงอ่ะ ” ซึงฮยอน หนึ่งในอีกสองเพื่อนที่เมื่อกี้ยังคงทำหน้างงอยู่ เอาหูแนบโทรศัพท์แล้วถามออกมาอย่างสงสัย
“ ไอ้เวร มึงจะมาฟังทำเพื่อ ” ยองเบเอามือปล้องโทรศัพท์ แล้วดันหัวเพื่อนตัวโตออก
“ อ่ะๆ ขอโทษครับ ฮันนา คือพี่มีเรื่องจะรบกวนหน่อยน่ะครับ ”
( อะไรหรอคะ )
“ แล้วพี่ยองเบ รู้เบอร์ฮันนาได้ไงอ่ะ ” แดซองโพล่งถามบ้าง
“ หุบปากก่อนได้ปะ ” อีกรอบที่ยองเบต้องเอามือปล้องไม่ให้สาวน้อยได้ยินเสียงทางนี้ พลางหันไปดุอีกหนึ่งคนที่ยุ่งไม่เข้าเรื่อง
“ อ้ออ คือว่า พี่อยากให้ฮันนาเขียนโน้ตไปให้พี่ซึงริของฮันนาหน่อยอ่ะครับ ”

.
.
.
.
“ ตามนี้หรอคะ ค่ะ ฮันนาจดไว้แล้ว ” สาวน้อยมองข้อความในมืออย่างแปลกใจ พลางคิดในใจอย่างสงสัยว่า ตกลงที่พี่ชายของเธอเป็นแบบนี้นี่ คืออกหักมาเลยใช่มั้ย
(เอ่อ ฮันนาอย่าเพิ่งคิดว่า เพื่อนพี่มันทิ้งซึงรินะ)
“ อ่ออ อ่า ก็เกือบคิดแล้วล่ะค่ะ ” สาวน้อยยิ้มแหยๆ เมื่อทางนู้นรู้ทันความคิดของตัวเอง เสียงนุ่มปลายสายหยุดความคิดของสาวน้อยลง เอ๋ แล้วพวกพี่เล่นอะไรกันอยู่ล่ะ
( นี่เป็นแผนให้เค้าคืนดีกันน่ะ ยังไงก็ฝากฮันนาช่วยหน่อยนะครับ )
“ อ้อ ได้ค่ะ พี่ยองเบนี่นิสัยดีจังเลยนะค่ะ เป็นห่วงเพื่อนดีจัง ”
( อ่า ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ขอบใจฮันนามากนะครับ)
“ ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ ”
สาวน้อยกดตัดสายโทรศัพท์ลง แล้วเดินไปทางห้องพี่ชายอย่างกังวล หวังว่าแผนของพี่ยองเบจะสำเร็จนะ

ปัง ปัง ปัง!!!!
“ พี่ซึงริ ฮันนาจะไม่พูดนะ เอากระดาษนี่ไป มีคนฝากข้อความถึงพี่อ่ะ”
.
.
.
.
“ มึงแน่ใจนะว่าแบบนี้ดีอ่ะ ไอ้ยองเบ น้องเค้าจะไม่ยิ่งเตลิดนะ ” ซึงฮยอนผู้ที่นั่งข้างคนขับพูดขึ้นเบาๆ
“ หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง มึงคอยดู เชื่อกูดิ ”
“ แล้วเราจะคอยดูกันในรถเนี่ยนะพี่ ” แดซองพูดขึ้นบ้าง
“ แล้วพวกมึงจะเข้าไปขัดจังหวะเค้ารึไงฮะ รอดูไป ”

ไม่นาน เสียงประตูหน้าบ้านก็ถูกปิดดัง ยองเบยิ้มมุมปากอย่างผู้มีชัยชนะ ในที่สุดความผิดของเค้าก็จะถูกล้างมลทินแล้ว คิดในใจพลางมองตามร่างเล็กที่จ้ำอ้าวเข้าบ้านอย่างโมโหไปอย่างภูมิใจ


.
.
.
.
.



“ ซึงริ พี่ขอโทษ ” เสียงนุ่มถูกส่งผ่านออกจากลำคอจียงเบาๆ มือที่กอดเอวคนตัวเล็กอยู่กระชับวงแขนให้แน่นขึ้น
“ ทำไม.... ” ซึงริถามออกมาอย่างแปลกใจ พี่จียงเป็นคนผลักไสเค้าไปเองไม่ใช่หรอ ทำไมถึงมาขอโทษกันแบบนี้ รึว่าอยากจะปลอบใจเพียงเท่านั้น
“ ถ้าพี่คิดจะปลอบใจกันก็ปล่อยผมเถอะฮะ...” ร่างเล็กกระซิบกลับเบาๆ น้ำเสียงสั่นที่บ่งบอกให้คนข้างหลังได้รับรู้ว่า คนข้างหน้าต่อมน้ำตากำลังจะทำงานแล้ว
“ พี่ขอโทษ...ขอโทษที่พูดอะไรไม่คิด ที่พี่พูดไปนั่นไม่ใช่ความจริงนะซึงริ ” จียงพยายามจะปรับความเข้าใจ แต่หากว่าคำพูดเหล่านั้นยิ่งทำให้คนตัวเล็กเข้าใจผิดไปอีกทาง
“ ก็ใช่ไงฮะ ที่พี่ทำกับผมที่ผ่านมา มันไม่ใช่ความจริงเลย ” ร่างบางตัดพ้อ พยายามดิ้นขลุกขลักออกจากอ้อมอกคนข้างหลัง แต่ยิ่งพยายามเท่าไหร่มันก็ยิ่งทำให้แขนหนาทั้งสองเพิ่มแรงกอดมากขึ้น
“ ซึงริ ฟังพี่ก่อนสิ ”
“ ปล่อยซึงริเถอะฮะ เดี๋ยวเธอมาเห็นเข้ามันไม่ดีนะฮะ ”
“ เธอที่ไหน พี่บอกซึงริอยู่ใช่มั้ย ว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องจริง ”
“ ก็พี่จียงบอกเองไม่ใช่หรอว่าวันนี้จะไปขอเธอคืนดี หนำซ้ำยังบอกให้ซึงริมาเก็บข้าวของ เพื่อจะให้เธอเข้ามาอยู่ ” ร่างเล็กพูดออกมาทั้งน้ำตา ความรู้สึกคับแค้นมันอัดแน่น โกรธคนข้างหลังนี่เหลือเกิน ยังจะมาทำเป็นไม่รู้เรื่องอีก
“ หมายความว่ายังไง ให้ซึงริมาเก็บข้าวของ ”
“ หึ พี่จียงยังจะทำเป็นไม่รู้อีกหรอฮะ พอสักทีเถอะฮะ ซึงริจะไปเก็บของ เราสองคนจะได้เลิกยุ่งเกี่ยวกันสักที ”
จียงฟังคำพูดคนตัวเล็กอย่างไม่เข้าใจ อะไรกันคือ เก็บของ เค้าไปบอกน้องตอนไหนว่าให้น้องมาเก็บของ แล้วจะให้เธอย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ มือหนาคลายอ้อมกอดลงในขณะที่สมองจมลงกับความคิด ร่างบางจึงได้โอกาสวิ่งขึ้นไปข้างบนทันที
ซึงริที่วิ่งขึ้นข้างบนห้อง แอบแคลงใจเล็กน้อย ว่าเธอคนนั้นของพี่จียงอยู่ไหนกัน อันที่จริงเธอน่าจะอยู่ในห้องนี่สิ
“ ซึงริ !!! ” จียงที่วิ่งตามน้องขึ้นมาติดๆ ตะโกนเรียกชื่อคนตัวเล็กเสียงดัง
“ เธอคงจะย้ายมาอยู่พรุ่งนี้สินะฮะ คืนนี้พี่นอนคนเดียวคงเหงาแน่เลย หึ ” ปากบางแสยะยิ้ม อย่าไปคิดเข้าข้างเค้าซึงริ อย่าใจอ่อนคิดว่าพี่จียงจะไม่ได้คืนดีกับเธอ เค้าก็บอกนายอยู่ว่า เรื่องที่ผ่านมามันเป็นเรื่องโกหก
“ งั้นก็นอนกับพี่สิ!!! ” ผิดคาด จียงแทนที่จะหัวเสียกับคำพูดคนตัวเล็ก กลับกัน คำพูดพวกนั้นดันกลายมาเป็นช่องโหว่ให้ร่างสูงพลิกเกมซะได้
“ พี่จียง!!! ” ซึงริสะดุ้งเฮือก เพราะมือหนาของควอนจียงที่ฉุดเอาร่างบางที่กำลังเก็บเสื้อผ้าอยู่ขึ้นมาบนเตียง ซึงริร้องเสียงหลงทันที
“ ปล่อยผมนะ!!! ”
“ ซึงริ ฟังพี่นะ ” เสียงเข้มเอ่ยดุข้างหู จียงขึ้นทาบทามคนตัวเล็กอย่างจงใจ ถ้าพยายามจะอธิบายให้ฟังกันดีดี แล้วไม่ฟัง คนตัวเล็กที่ดื้อรั้นก็ต้องถูกใช้กำลังซะบ้าง
“ ไม่ฟัง ซึงริจะไม่เชื่ออะไรพี่อีกแล้ว ” ร่างบางหันหน้าหนี น้ำตาเม็ดโตร่วงลงบนที่นอนทันที หัวใจทั้งดวงมันอ่อนล้า อยากจะหนีไปให้พ้นจากสภาพนี้ ความอบอุ่นที่คนข้างบนมอบให้ มันทำให้เค้าอยากจะซุกเข้าไปในอกอุ่นๆ นั้น แต่หากว่าจะยอมโง่ให้เค้าหลอกต่อไปอีกงั้นหรอ
“ ซึงริ นี่เป็นแผน ที่พี่พูดอย่างนั้น เพราะพี่แค่อยากจะให้นายพูดอะไรบางอย่าง ” จะให้ซึงริพูดอะไร อยากให้ซึงริอวยพรงั้นสิ
“ซึงริก็อวยพรพี่แล้วไง” น้ำใสๆ จากตาของซึงริ หยดลงบนที่นอนไม่ขาดสาย ควอนจียงถอนหายใจยาว รู้สึกผิดกับความผิดตัวเอง มือหนาปาดน้ำตาร่างเล็กในอ้อมกอดออกช้าๆ
“ พี่แค่อยากจะได้ยินนายบอกรักพี่สักครั้ง ” จียงพูดออกมาเสียงเบา ในความเงียบของซึงริ
“ พี่พูดไป เพราะคิดว่านายจะอ้อนวอนขอให้พี่อย่าไป แล้วบอกรักพี่ ”
“ ........... ”
“ พี่ไม่ได้จะไปคืนดีกับใครที่ไหนทั้งนั้น และก็ไม่มีใครจะย้ายมาอยู่ที่นี่ด้วย ”
“ ........... ”
“ มีแต่นายคนเดียวเท่านั้น ที่พี่จะให้อยู่ที่นี่ อยู่ตรงนี้ ”
“ ........... ”
“ แค่เพียงพี่อยากจะได้ยินคำว่ารักจากปากนาย มันผิดด้วยหรอ ”

ร่างเล็ก เงียบนิ่งอยู่นานกับคำพูดของคนตรงหน้า และความคิดของตัวเอง นี่เค้ายังไม่เคยบอกรักพี่จียงงั้นหรอ ไม่สิ เค้าเคยพูดมันแล้ว แต่ทั้งหมดนี่มันหมายความว่ายังไงกัน พี่จียงไม่ได้จะไปขอคืนดีเธอ แต่ที่ทำเพื่อต้องการบีบให้ตัวเค้าเองบอกรัก ช่างเป็นความคิดที่โง่เหลือเกิน แต่ถึงอย่างงั้นก็เถอะ พี่จียงก็ไม่คิดถึงความรู้สึกเค้าบ้างเลยรึไง

“ คนโง่...ฮึก ” หลังจากที่เงียบอยู่นาน ร่างเล็กก็พูดขึ้นมาบ้าง
“ พี่จียงไม่คิดถึงความรู้สึกซึงริบ้างหรอ พี่...ฮึก จียงคิดได้ยังไงถึงทำกับผมแบบนี้ ” มือบางทุบคนข้างหน้าเบาๆ
“ พี่ขอโทษซึงริ พี่ยอมรับผิดทุกอย่างไง หายโกรธพี่เถอะ ”
“ พี่ไม่คิดบ้างหรอว่าคนรักของพี่จะเสียใจแค่ไหน ... กับ....ประโยคบอกเลิกทางอ้อมแบบนั้น ”
“ พี่ขอโทษซึงริ ”
“ พี่จียง ฮึก... จำได้มั้ย ครั้งนึงผมเคยถามพี่จียงว่า ความรักของพี่คืออะไร ”
“ ความรักของพี่ก็คือนาย พี่จำได้สิ...... ”
“ แล้วพี่จำได้มั้ย ว่าพี่ถามผมกลับว่ายังไง ....ฮึก แล้วผมตอบพี่ไปว่าอะไร ”
“ ความรักของนายก็คือพี่เหมือนกัน...... ”
“ นั่นไม่ได้หมายความว่า ฮึก... ผมกำลัง.....กำลังบอกรักพี่หรอฮะ...... ”

จียงถอนหายใจยาวเมื่อได้ยินคำพูดเตือนความทรงจำ ร่างสูงก้มลงซุกหน้าเข้าข้างหัวคนตัวเล็ก พลางเอ่ยคำขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่เข้าที่หู ทั้งหมดเป็นเค้าเองที่ผิด เป็นเค้าเองที่ก่อเรื่อง จะทำยังไงดี เค้ารู้สึกผิดที่ทำให้คนตรงหน้านี่เสียใจมากมาย คำพูดที่เค้าพูดไปมันจะทำให้น้องเสียใจแค่ไหนกัน

“ คนโง่......พี่โง่มากเลย ฮึก ” ร่างบางสะอื้นในอกร่างหนา น้ำตาที่ไหนมากมายไม่รู้ไหลออกมา ทั้งความรู้สึกเสียใจ ความรู้สึกดีใจ ไม่รู้จะหาคำพูดอะไรมาบรรยายความรู้สึกที่มีต่อผู้ชายตรงหน้านี้ดี
“ พี่ขอโทษ ซึงริ ” ริมฝีปากหนาประทับจูบอุ่นเข้าที่หน้าผากคนตัวเล็ก ด้วยความรู้สึกทั้งหมด ซึงริหลับตาสนิทรับจูบนั้น ร่างเล็กคลี่ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา

“ คนโง่ จำไว้นะ ว่าผมรักพี่มาก รักมาก รักจนให้พี่ได้ทั้งชีวิต รู้มั้ย... ” เสียงหวานเอ่ยเบา ท้ายประโยคแทบจะกลืนหายเข้าไปลำคอ
“ พี่ขอโทษ พี่ได้ยินแล้ว พี่เองก็รักนายมาก รักนายมากเหมือนกัน ”

คำบอกรักที่อยากได้ยินมานาน หรือว่าเคยได้ยินมาแล้ว ไม่ทันได้จดจำ ถูกพูดขึ้นอีกครั้งอย่างชัดเจน คนตัวเล็กที่นอนอยู่ใต้ร่างยิ้มออกมาอย่างเขินอาย พลางตะแคงตัวหนีคนตรงหน้า จียงล้วงเข้าไปกระเป๋ากางเกงเพื่อเอาของบางอย่างออกมายื่นให้ร่างเล็ก ไม่ต่างกันที่ซึงริเองก็หยิบของที่ตัวเองเตรียมมาออกมาเหมือนกัน

.
.
“ ใส่ให้พี่ทีสิ ซึงริ ”
“ ผมก็อยากให้พี่ใส่ให้ผมเหมือนกัน ”
.
.


ของทั้งสองสิ่งที่ถูกมอบให้ซึ่งกันและกัน ของขวัญล้ำค่าแค่ไหน ก็ไม่ได้มีค่าเท่ากับคนตรงหน้านี่อีกแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มันก็ทำให้ความรักที่มีอยู่ ผูกกันมั่นคงขึ้น แววตาที่ต้องกันด้วยความหวานชื่น หวานจนหัวใจแทบจะระเบิดออกมา
ถึงตอนนี้แล้ว คำถามที่ถูกถามแล้วถามอีก
หากถามว่าความรักคืออะไรอีกสักครั้ง.......
คนทั้งสองที่ตกอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันก็สามารถตอบได้เพียงคำตอบเดียวแล้วว่า



ความรักของพวกเค้า................................ก็คือคนตรงหน้านี่นั่นเอง



ควอนจียง................อีซึงริ
สัญญาว่าความรักของคนที่ชื่อควอนจียงจะเป็นนายตลอดไป


________________________________________________ENDING



1 comment:

Ma Tory said...

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด!
ฟิคเรื่องนี้นี่บทจะหวานก็หวานซะปานน้ำผึ้งเดือนหก! >//////<
บทจะบับคั้นน้ำตารีดเดอร์ ก็ทำให้เราเจ็บปวดหัวใจไปด้วยเลย ! T_T

ฟิคเรื่องนี้ซึ้ง เศร้า ฮา น่ารัก ไม่รู้สิจะบอกยังไงดีแต่มันครบรสมาก!
ยินดีด้วยนะจ๊ะ อีซึงรี ควอนจียง รักกัน ๆ อิอิ

Post a Comment

 
 
Copyright © {{z i m e _ i i}}
Blogger Theme by BloggerThemes Design by Diovo.com